วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทความที่ 8

กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ... 

            ....Mother’s Day Poems

สำหรับวันนี้ ก็มีกลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ มาฝากทุกคนกันจ้า ชอบอันไหนก็เลือกไปใช้กันได้เลยนะ

Mother’s Day
In the bedroom you’re a lover
in the kitchen you’re a chef
with the kids you are a doctor
when do you ever rest?
With the bills you’re an accountant
with the house work you’re a maid
with the neighbors you are a diplomat
you’re worth more than I could pay
At the gym you are my trainer
at the pool a lifeguard too
at the park you are a watch dog
is there nothing you can’t do?
We thank you for the hard work
but your working days are through
and so from here on out
let us take care of you
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ โดย Don Wells
ความหมาย: กลอนนี้แสดงให้เห็นถึงหน้าที่ต่างๆของแม่ที่ทำเพื่อลูก ซึ่งดูเหมือนจะครอบคลุมไปทุกสิ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นแม่ครัวทำอาหารให้ลูกทาน หรือเป็นหมอยามลูกไม่สบาย เป็นโค้ชเพื่อสอนให้ลูกออกกำลังกาย สุดท้ายก็ถึงเวลาแล้วที่แม่ควรจะได้พักเสียที ต่อจากนี้ลูกจะขอดูแลคุณแม่เอง
A Rose for Mother
Another Mother’s Day is here,
Bringing joy and pleasures new,
On this special day, Mother dear,
I want to remember you.
I cannot give you costly gifts,
And I’ve told you this before,
No matter what I give to you,
You give back much, much more.
I’m giving you a pure, sweet rose,
Gathered in the early morn,
This rose you planted in my heart,
The day that I was born.
In kindly, loving thoughts of you,
And with the faith you still impart,
The rose I give to you today,
Is the love that’s in my heart.
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ โดย Cleo M. Shoffstall
ความหมาย: วันแม่แห่งชาติวนมาถึงอีกครั้งแล้ว ลูกเองถึงแม้จะให้ของขวัญแม่ไปมากเท่าไหร่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความรักที่แม่ให้มา ดังนั้นจึงขอมอบกุหลาบดอกหนึ่ง เป็นกุหลาบที่แม่ปลูกไว้นับแต่วันที่ลูกเกิด กุหลาบที่จะมอบให้เปรียบเสมือนความรักสุดหัวใจนั่นเอง

Thank You Mom
Thank you Mom,
For everything you have done,
Thank you Mom,
For making each day so much fun.
Thank you Mom,
For showing me the way,
Thank you Mom,
For smiling every day.
Thank you Mom,
For always being there,
Thank you Mom,
For showing how much you care.
Thank you Mom,
You’re the very best,
Thank you Mom,
Because you’re none like the rest.
So this day is so special,
Because you’re so special too,
Just remember one thing,
That I do love you.
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ โดย Debbie Bongiovanni
ความหมาย: เป็นกลอนที่สื่อถึงความซาบซึ้งในทุกสิ่งที่แม่ทำเพื่อเรา ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำให้ชีวิตเรามีความสุข สุดท้ายก็เป็นการบอกรักแม่ในวันพิเศษนี้

Forever My Mother
Beauty and Grace,
through her expressions of faith.
Comfort and tears,
she helps calm my fears.
Love and Life,
she’s always my guide.
There’ll never be another,
she’s forever my Mother.
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ โดย Shelly Middleton
ความหมาย: กลอนบทนี้เป็นกลอนที่เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ยิ่งใหญ่ บ่งบอกว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำเหมือนแม่เราได้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน แม่ก็จะเป็นแม่ของเราตลอดไป
M-O-T-H-E-R
“M” is for the million things she gave me,
“O” means only that she’s growing old,
“T” is for the tears she shed to save me,
“H” is for her heart of purest gold;
“E” is for her eyes, with love-light shining,
“R” means right, and right she’ll always be,
Put them all together, they spell “MOTHER,”
A word that means the world to me.
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ โดย Howard Johnson
ความหมาย: ออกแนวน่ารักสำหรับการแทนความหมายต่างๆ ด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ สื่อว่าคำว่าแม่ มีความหมายต่อเรามากราวกับโลกทั้งใบเลยทีเดียว
กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษนี้เอาไปเติมในการ์ดวันแม่เพื่อเป็นของขวัญที่น่ารักๆให้ท่านได้ วันแม่แห่งชาติปีนี้อย่าลืมทำความดีเป็นลูกที่น่ารักให้แม่ชื่นใจนะครับ
Credit: EllenBailey.com and http://www.dailyenglish.in.th/mother-day-poems/

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทความที่ 7

บทสนทนาภาษาอังกฤษเรื่องประชาคมอาเซียน





บทสนทนาภาษาอังกฤษเรื่องประชาคมอาเซียนตอนที่ 1 จะกล่าวถึงการพูดคุยเกี่ยวกับประวัติและที่มาที่ไปคร่าวๆของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN) ว่ามีความเป็นมาอย่างไรและมีเป้าหมายไปในทิศทางใดในอนาคตรวมทั้งเรื่องประชาคมย่อยอย่าง เออีซี (AEC) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี พ.. 2558 หรือในอีกไม่ถึงสองปีข้างหน้านี้ ขณะที่ผู้คนจำนวนมากในอาเซียนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาถึงของ AEC กันอย่างใจจดใจจ่อแต่จะมีสักกี่คนที่พร้อมต้อนรับหรือรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวอย่างเป็นทางการของประชาคมเศรษฐกิจแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเร็วๆนี้ 




บทสนทนาภาษาอังกฤษเรื่องประชาคมอาเซียน 

คู่สนทนา Do you know about AEC?
ดู ยู โน อเบาทฺ เออีซี?
(คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับเออีซีไหมครับ?)


ตัวคุณ Yes I do.
เย็ส ไอ ดู
(รู้ครับ)


คู่สนทนา What is AEC?
ว็อท อิซ เออีซี?
(เออีซีคืออะไรครับ?)


ตัวคุณ It stands for ASEAN Economic Community
อิท สแตนดฺส ฟอรฺ อาเซียน อิโคน็อมมิค คอมมิวเน็อทิ
(เป็นชื่อย่อของอาเซียนอิโคน็อมมิค คอมมิวเน็อทิหรือแปลเป็นไทยว่าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนครับ)


คู่สนทนา What about ASEAN?
ว็อท อเบาทฺ อาเซียน?
(แล้วคำว่าอาเซียนล่ะครับ?)


ตัวคุณ ASEAN is Association of South East Asian Nations.
อาเซียน อิซ อโซซิเอชึน อ็อฟ เซาทฺ อีสทฺ เอเชียน เนชึนสฺ
(อาเซียนคือชื่อย่อของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ)


คู่สนทนา Could you give me more information about ASEAN and AEC?
คุด ยู กิฟวฺ มี มอรฺ อินฟอรฺเมชึน อเบาทฺ อาเซียน แอนดฺ เออีซี?
(คุณช่วยอธิบายเรื่องอาเซียนและเออีซีให้ผมเข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ?)


ตัวคุณ Yes, absolutely.
เย็ส แอ็บโซลูทลิ
(ยินดีอย่างยิ่งครับ)

ตัวคุณ ASEAN or Association of South East Asian Nations originated from the security and military 
cooperation of the five original countries namely IndonesiaMalaysia, Philippine, Singapore and Thailand
ASEAN was officially established on 8th August 1967 when the five foreign ministers of those countries met 
and signed the ASEAN Declaration, or the Bangkok Declaration at The Thai department of foreign affairs 
building in Bangkok. And later BruneiVietnamLaoMyanmar and Cambodia joined it respectively.


 อาเซียน ออรฺ อโซซิเอชึน อ็อฟ เซาทฺ อีสทฺ เอเชียน เนชันสฺ ออริจิเนททิด ฟรอม เดอะ เซคคิวเร็อทิ แอนดฺ มิลวฺลิทะรี โคโอปอเรชึน อ็อฟ เดอะ ไฟฟวฺ ออริจินัล คันทรีสฺ เนมลิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินสฺ, สิงคโปรฺ แอนดฺ ไทแลนดฺ อาเซียน ว็อซ อ็อฟฟิเชียลลิ เอ็สทะบลิชทฺ ออน เอ็ท ออกัสทฺ ไนนฺทีนซิกทิเซเวนทฺ เว็น เดอะ ไฟวฺฟ ฟอรฺรีน มินิสเทอรฺส อ็อฟ โดซ คันทรีสฺ เม็ท แอนดฺ ไซนฺ ดิ อาเซียน ดิแคลเรชึน ออรฺ เดอะ แบงค็อก ดิแคลเรชึน แอ็ท เดอะ ไท ดีพารฺทเมนทฺ อ็อฟ ฟอรฺรีน อแฟรฺส บิลวฺดิง อิน แบงค็อก แอนดฺ เลเธอ บรูไน, เวียตนาม, ลาว, เมียนมารฺ แอนดฺ คัมโบเดีย จอยนฺด อิท เรสเพคทิฟวฺลิ

(อาเซียนหรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดขึ้นจากความร่วมมือด้านความมั่งคงและด้านการทหารของห้าประเทศผู้ริเริ่มได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ และประเทศไทยโดยมีการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ สิงหาคม พุทศักราช 2510 เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของแต่ละประเทศดังกล่าวเข้าประชุมและร่วมลงนามในปฏิญญาอาเซียนหรือปฏิญญากรุงเทพที่อาคารของกระทรวงการต่างประเทศในกรุงเทพมหานคร ต่อมาประเทศบรูไน เวียตนาม ลาว พม่าและกัมพูชาเข้าร่วมเป็นสมาชิกตามลำดับ)

คู่สนทนา How does AEC relate to ASEAN?
ฮาว ดัดซฺ เออีซี ริเลทสฺ ทู อาเซียน?
(แล้วเออีซีเกี่ยวข้องกับอาเซียนอย่างไรครับ?)

ตัวคุณ Good question. AEC is one of the three pillars of ASEAN. As later in October 2003, the ten member countries agreed to sign the declaration to achieve the single community in 2015 and ASEAN was divided into three sub-communities or three pillars namely:

APSC standing for ASEAN Political and Security Community

AEC standing for ASEAN Economics Community

ASCC standing for ASEAN Socio-Cultural Community

กุด เควสชึน เออีซี อิซ วัน อ็อฟ เดอะ ธรี พิลลารฺส อ็อฟ อาเซียน แอ็ส เลเธอะ อิน อ็อคโทเบอะ ทูเทาซันดฺธรี เดอะ เท็น เมมเบอรฺ คันทรีสฺ อะกรีดฺ ทู ไซนฺ เดอะ ดิแคลเรชึน ทู อชีฟวฺ เดอะ ซิงเกิล คอมมิวเน็อทิ อิน ทูเทาซันฟิฟทีน แอนดฺ อาเซียน ว็อซ ดิไวนฺดิด อินทู ธรี ซับ คอมมิวเน็อทีสฺ ออรฺ ธรี พิลลารฺส เนมลิ
เอพีเอ็สซี สแตนดิง ฟอรฺ อาเซียน พอลลีทิคัล แอนดฺ เซคคิวเร็อทิ คอมมิวเน็อทิ
เออีซี สแตนดิง ฟอรฺ อาเซียน อิโคนอมมิคสฺ คอมมิวเน็อทิ
เอเอ็สซีซี สแตนดิง ฟอรฺ อาเซียน โซซิโอ คัลเชอรัล คอมมิวเน็อทิ


บทความที่ 6

Question Tag ใช้ยังไงให้ถูกต้อง?


คงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยนะคะ หากเมื่อเราจะถามอะไรก็ต้องมานั่งเปลี่ยนจากประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคคำถามทุกครั้ง แต่จะง่ายกว่าไหมคะหากว่าเราพูดประโยคบอกเล่าออกไปแล้วตบด้วยสองสามคำสั้นๆ ประโยคนั้นก็กลายเป็นประโยคคำถามขึ้นมา การทำแบบนั้นเราเรียกว่า Question tag
QUESTION TAG คือ รูปประโยคคำถามย่อๆที่ถูกนำมาต่อท้ายประโยคบอกเล่า เพื่อให้ประโยคนั้นกลายเป็นประโยคคำถาม หรือเพื่อให้ผู้ฟังได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น ซึ่ง QUESTION TAG นี้จะใช้ในภาษาพูดเท่านั้นนะคะ
*** ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence) ส่วนของ Tag จะต้องเป็นประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence)
*** ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) ส่วนของ Tag จะต้องเป็นประโยคบอกเล่า (Affirmative Sentence)

หลักการสร้าง Question tag มีดังต่อไปนี้
1. ประโยคบอกเล่าที่มีกริยาช่วย ( to be, V. to have, V. to do, will, would, shall, should, may, might, can, could) ให้ใช้กริยาช่วยเหล่านั้นมาทำเป็น Question tag ได้เลย เช่น
  • Jack is from Spain, isn’t he?
  • Mary can speak English, can’t she?
  • He shouldn’t say things like that, should he?
  • They aren’t funny, are they?
2. ถ้าประโยคหลักอยู่ในรูปของ present simple (รูปประโยค ประธาน + กริยาช่อง 1)ให้ใช้ do, does เข้ามาช่วยในการสร้างส่วนของ Tag เช่น
  • She loves shopping, doesn’t she?
  • They have a lot of friends, don’t they? (have ในประโยคไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยแต่ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ แปลว่า มี)
3. ถ้าประโยคหลักอยู่ในรูปของ past simple (รูปประโยค ประธาน + กริยาช่อง 2) ให้ใช้ did เข้ามาช่วยในการสร้างส่วนของ Tag เช่น
  • You killed her, didn’t you?
  • He ate the banana, didn’t he?
4. ถ้าประโยคหลักใช้ I’m ส่วนของ Tag ต้องใช้ aren’t I? แต่ถ้าประโยคหลักใช้ I’m not ส่วนของ Tag ต้องใช้ am I? เช่น
  • am attractive, aren’t I?
  • am not the last one, am I?
5. ถ้าประโยคที่มี This is, That is อยู่ในประโยคหลัก ส่วนของ Tag จะต้องใช้เป็น Isn’t it? หรือ Is it? (ขึ้นอยู่ว่าประโยคหลักอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ) เช่น
  • This is my friend, isn’t it?
  • That is a book, isn’t it?
6. ถ้าประโยคที่มี These are, Those  are อยู่ในประโยคหลัก ส่วนของ Tag จะต้องใช้เป็น aren’t  they? หรือ are they? (ขึ้นอยู่ว่าประโยคหลักอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ) เช่น
  • These are pens, aren’t they?
  • Those are not your shoes, are they?
7. ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่ง(แต่ไม่ใช่ในเชิงปฏิเสธหรือประโยคคำสั่งที่ไม่มี not) ส่วนของ Tag จะเป็น will you? หรือ won’t you? ก็ได้ เช่น
  • Stop daydreaming, will / won’t you?
  • Be quiet, will / won’t you?
8. ถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่ง(ในเชิงปฏิเสธหรือประโยคคำสั่งที่มี not) ส่วนของ Tag จะเป็นต้องเป็น will you? เช่น
  • Don’t stop running, will you?
*** อาจจำไปเลยก็ได้ครับว่าถ้าประโยคหลักเป็นประโยคคำสั่ง ส่วนของ Tag จะเป็น will you?
9. ถ้าประโยคหลักมี Let’s (Let us) ส่วนของ Tag จะต้องเป็น shall we? แต่ถ้าประโยคหลักมี Let+Objective+V.1 ส่วนของ Tag จะต้องเป็น will you?เช่น
  • Let’s go, shall we?
  • Let it go, will you?

บทความที่ 5

หลักการใช้ Passive Voice ไม่ยากอย่างที่คิด!!

“ แม่ตีฉัน ” “ ฉันถูกแม่ตี ” จากประโยคที่ยกตัวอย่างไป อ่านแล้วนี่เจ็บแทนเลยว่าไหมคt ทั้งสองประโยคนี้ดูแล้วความหมายอาจจะเหมือนกัน แต่ในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกกลับแตกต่างกัน เหมือนระบบฟิล์มธรรมดาเทียบกับระบบ HD เลยทีเดียว
หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า:
  • ประโยคแรกประธานเป็นผู้กระทำ นั่นคือ แม่(ประธาน) ตี(กริยา) ฉัน(กรรม) หรือที่เรียกว่า Active voice
  • ส่วนประโยคที่สองประธานเป็นผู้ถูกกระทำ นั่นคือ ฉัน(ประธาน) ถูก แม่(กรรม) ตี(กริยา) หรือที่เรียกว่า Passive voice
พอเกริ่นมาถึงตรงนี้แล้วผมว่าหลายๆคนคงสนใจประโยคที่ให้ความรู้สึกที่คมชัดมากกว่า ดังนั้นผมขอพูดถึงเรื่องPassive voice แล้วกันค่ะ
ประโยค Passive voice คือประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ หรือประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle) ซึ่งส่วนมากจะถูกเปลี่ยนจากประโยค Active voice (ประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb1) แต่ก็ไม่ใช่แค่เอามาสลับที่กันเฉยๆนะคะ ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีเงื่อนไขเสมอ

หลักการเปลี่ยนประโยค “Active” เป็นประโยค “Passive”

1. นำเอากรรมของประโยค Active voice ไปเป็นประธานของประโยค Passive voice
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon.
2. นำเอาประธานของประโยค Active voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive voice และมี by นำหน้าประธานเดิม
(แต่ในบางกรณีอาจจะสามารถเขียนโดยไม่ต้องมี by ก็ได้)
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon.
3. เมื่อเปลี่ยนประโยค Active voice เป็นประโยค Passive voice กริยาจะต้องเป็นรูปกริยาช่องที่ 3 (Past Participle) และตามหลัง Verb to be.( is, am , are, was , were, be, being, been)
ต้องดูตามประธาน(ของประโยคใหม่) และ tense
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon. (ในที่นี่รูปกิริยาทั้งสามช่องของ read มีรูปที่เหมือนกัน)

Active voice: They have built  a new hotel. พวกเขาสร้างโรงแรมใหม่ (เสร็จไปแล้วในอดีต)
Passive voice: A new hotel has been built by them. โรงแรมใหม่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกเขา (เสร็จไปแล้วในอดีตเช่นกัน)
ตัวอย่างนี้เป็นประโยค Active voice เป็นประโยคที่อยู่ในรูปของ Present Perfect tense (Subject + have, has + Verb 3) ดังนั้นเมื่อเป็นประโยค Passive voice จึงอยู่ในรูป (Subject + have, has + been +Verb 3)

Active voice: Rita writes a letter. (ริต้าเขียนจดหมาย)
Passive voice: A letter is written by Rita. (จดหมายถูกเขียนโดยริต้า)
ตัวอย่างนี้เป็นประโยค Active voice เป็นประโยคที่อยู่ในรูปของ Present Simple tense (Subject + Verb 1) ดังนั้นเมื่อเป็นประโยค Passive voice จึงอยู่ในรูป (Subject + Verb to be + Verb 3)

Active voice: She was cleaning a chair. เธอกำลังทำความสะอาดเก้าอี้ (ตอนนี้เธอทำเสร็จแล้ว)
Passive voice: A chair was being cleaned by her. เก้าอี้ถูกทำความสะอาดโดยเธอ (ตอนนี้เธอทำเสร็จแล้ว)
ตัวอย่างนี้เป็นประโยค Active voice เป็นประโยคที่อยู่ในรูปของ Past Continuous tense (Subject + was, were + Verb ing) ดังนั้นเมื่อเป็นประโยค Passive voice จึงอยู่ในรูป (Subject + was, were + being +Verb 3)
แล้วเมื่อไรที่เราจะสามารถละผู้กระทำได้บ้าง? คำถามนี้ตอบได้ย่อยๆ 3 ข้อครับ
เมื่อไม่ต้องการเน้นผู้กระทำ
The windows are closed. (หน้าต่างถูกปิด แต่ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนปิด)
เมื่อรู้อยู่แล้วว่าใครกระทำ
The thieves were all arrested. (ในที่นี้เราละคำว่า by police เพราะว่าเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตำรวจมีหน้าที่จับขโมย)
ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
My shoes were stolen on Monday. (รองเท้าถูกขโมยไปแต่ไม่รู้ว่าใครขโมย)
จากตัวอย่างข้างต้นทั้งหมด ผมขอสรุปคร่าวๆนะคะว่า… ไม่ว่า ประโยค Active จะอยู่ใน tense ใดก็ตาม เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยค Passive ยังไงก็ต้องอยู่ในรูปของ Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle)เสมอ แต่ยังคงต้องไม่ทิ้ง tense เดิม ลองสังเกตสองตารางข้างล่างดีๆอีกสักทีนะคะ
รูปประโยค Active แบ่งตาม tense ต่างๆ

รูปประโยค Passive แบ่งตาม tense ต่างๆ
หากเรารู้จักรูปแบบประโยคดีแล้ว นั่นคือเรารู้ว่าตัวไหนเป็นประธาน ตัวไหนเป็นกริยา และตัวไหนเป็นกรรม เอามารวมกับความรู้เรื่อง tense และกริยาสามช่องนิดหน่อย ผมว่าเรื่อง Passive voice ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากบางคนยังคิดว่ายาก ก็เพียงแค่ฝึกฝน อดทน และพยายาม ยังไงซะคำว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ก็ยังใช้ได้เสมอค่ะ

Source : http://www.dailyenglish.in.th/passive-voice/



บทความที่ 4

ฝึกภาษาอังกฤษจากหนัง

วันนี้นำหนังดีๆมาฝากกันนะคะ เป็นหนังรักวัยรุ่นสไตล์ romance comedy เรื่อง Easy A ค่ะ เรามาดูรายละเอียดของหนังและคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ได้จากหนังเรื่องนี้กันเลย  

Easy A
IMDB Rating: 7.1Year: 2010Genre: Comedy / RomanceTime: 92 minsRating: PG-13
Summary
โอลีฟ เพนเดอร์แกสท์ (เอ็มมา สโตน) เป็นเด็กสาวไฮสคูลชาวอเมริกันธรรมดาๆ คนหนึ่ง จนกระทั่งเธอตัดสินใจที่จะ”ไม่ธรรมดา” ในตอนที่ ริแอนนอน (เอลี มิชัลก้า) เพื่อนซี้สุดป๊อป ที่อยากรู้อยากเป็นเป็นที่สุด อยากรู้รายละเอียดทุกเม็ดเกี่ยวกับวันหยุดสุดสัปดาห์ของโอลีฟ และความจริงที่น่าเบื่อหน่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโม้ได้ซะด้วยสิ เด็กสาวที่ไร้ความโดดเด่นอย่างโอลีฟจึงตัดสินใจโกหก เพื่อจะทำให้เธอได้ลิ้มรสสิ่งที่วัยรุ่นทุกคนต้องการ นั่นก็คือการเป็นคนเด่นคนดังนั่นเอง
บางเรื่องก็ไม่อาจเก็บเป็นความลับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ มารีแอนน์ (อแมนดา ไบน์) แอบได้ยินคำพูดของโอลีฟ และข่าวลือเกี่ยวกับความแรงของโอลีฟก็ถูกพัดกระพือไปใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่กี่นาที นักเรียนทุกคนต่างก็โพสต์ลงทวิตเตอร์ และ Facebook เกี่ยวกับความแรงเกินพิกัดของโอลีฟ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความโด่งดังอย่างที่โอลีฟใฝ่ฝัน แต่โอลีฟตัดสินใจที่จะไม่ปฏิเสธข่าวลือนี้ แถมเธอยังทำให้สมจริงด้วยการเปลี่ยนลุคกลายเป็นสาวเซ็กซี ที่มีทัศนคติแก่นเซี้ยวท้าทายอีกต่างหาก แถมพ่อแม่ที่ใจกว้าง (สแตนลีย์ ตุชชี, แพทริเซีย คลาร์คสัน) ก็เชื่อใจเธออีกด้วย โอลีฟคิดว่าเธอเองก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร 
มิสเตอร์กริฟฟิธ (โธมัส เฮเดน เชิร์ช) ครูสอนภาษาอังกฤษคนโปรดของเธอรู้สึกว่าจะต้องกล่าวเตือนซักหน่อย ในขณะที่ภรรยาของเขา ที่เป็นครูแนะแนวของโรงเรียน (ลิซา คุดโรว์) ก็ให้คำแนะนำและการป้องกันในแบบของเธอเอง แต่การได้รับความสนใจแบบนี้ก็ทำให้โอลีฟสุขสุดๆ แถมเธอยังคิดหาวิธีในการใช้ชื่อเสียงใหม่ของเธอช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนที่ต่ำต้อยของเธอ ซึ่งก็รวมถึงแบรนดอน (แดน เบิร์ด) ที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ด้วย
แต่เมื่อโอลีฟเริ่มไม่อาจควบคุมข่าวลือที่โหมกระพือนี้ได้ เธอก็พบว่าการสยบข่าวลือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซักนิด และถ้าเธอไม่เปิดเผยความจริง คนอื่นๆจะต้องเดือดร้อนหนักเลยทีเดียว
Comment
เป็นหนังที่ให้แง่คิดในการใช้ชีวิตทีดีมากค่ะ ตัวละครทุกคนมักจะมีคำพูดติดตลกที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ทำให้เนื้อเรื่องชวนน่าติดตาม ที่สำคัญยังสอดแทรกข้อคิดดีๆด้วย ใครทีชอบดูหนังแนวนี้รับรองต้องชอบแน่ค่ะ เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องลองไปดูกันนะคะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษจาก Easy A
attitude แอททิ-ชิวด์ทัศนคติ
anonymous อะ-นอ-นิ-เมิส 
ธรรมดา/ ไม่โดดเด่น
overhear โอเวอร์-เฮียร์
แอบได้ยิน


reputation เร็พ-พิว-เท-ชั่น
ชื่อเสียง
rumor รู-เมอร์ 
ข่าวลือ

rumor mill รูเมอร์-มิล
การแพร่ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง
Source MThai และ http://www.dailyenglish.in.th/easy-a-vocabularies/